Create a blog post subtitle that summarizes your post in a few short, punchy sentences and entices your audience to continue reading.
เราเป็นแฟนคลับยาทาเล็บ Chanel มาตลอด แต่ใครถามว่าทำไมต้องชาแนล ก็ตอบไม่ค่อยได้นะ เราว่าเนื้อสีเขาก็ดี สีสวย มันจะดูผสมมาหลายสีดูมีมิติ ทาสองรอบก็อยู่แล้ว (เอาจริงคือชอบสีกับขวดแหละ แถมใช้ไปนานๆก็ชินกับแปรง ยี่ห้ออื่นก็ใช้ไม่ถนัด) ถามว่ามันมีของที่ใกล้เคียง ราคาถูกกว่าทดแทนกันได้ไหม ก็ยอมรับมาตลอดแต่ก็จะซื้ออะ จนกระทั่งวันนี้ เรารู้แล้วว่ามันดีกว่าแบรนด์อื่นยังไง! มันนน ไม่แห้ง สี Blue rebel เราซื้อมาตั้งแต่ปี 2010 หรือ 11 ประมาณนี้ยังทาได้อยู่เลย (OPI, Dior ที่ซื้อพร้อมกันแห้งสนิท) จะเห็นว่าสีเทากับสีน้ำเงินยังเป็นขวดรุ่นเก่าอยู่เลยค่ะ เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆมีปัญหายาทาเล็บซื้อมาแห้งตั้งแต่ทาไปครั้งที่สอง ลองมองๆยาทาเล็บของชาแนลดูได้นะคะ ถือซะว่าเป็นการลงทุนระยะยาวละกัน (ราคา 1,050 บาท)
สีแนะนำ Rouge Noir - สีแดงเข้ม เฉดเดียวกับข้างในกระเป๋า Chanel ทาแล้วมือขาวขึ้นด้วยอะะ Organdi - ถ้าผิวประมาณ NC 30-35 สีนี้คือชมพูที่ไม่ทำให้มือดำเลยสีสวยพอดีมาก เราแอบคิดว่าสีเข้มทาง่ายกว่าแล้วก็อยู่ทนกว่าสีอ่อนค่ะ
CHANEL LE VERNIS - 28 USD Chanel Le Vernis and I are being a good friend for a long time without concrete reason. Whenever my friends asked why did I religiously use this, I would just say that ahh this nail polish had nice color, quite long lasting formula (about 1-2 weeks), and smoothly applying. However, there are so many other brands, that can do exactly the same with lower price. Finally, after 5-6 years, I know why Chanel. They are still not drying (at least in my weather condition). I can still use my Blue rebel nail polish, which I brought in 2010 or 2011. If you faced the problem on your nail polishes dried before you could finish them, maybe you give a little chance for Chanel Le Vernis to make its magic.
My favorite colors: Rouge Noir (Deep Red), and Organdi (Light Pink) (I find, darker shades are more comfortable to apply and more lasting)
Comments